อุตสาหกรรมการเกษตรทั่วโลกกำลังจะพลิกโฉมใหม่ - จีนทำเกษตรสมัยใหม่



        อุตสาหกรรมการเกษตรทั่วโลกกำลังจะพลิกโฉมใหม่ เพื่อรองรับการบริบทที่เปลี่ยนไปของสังคมโลก   การเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและภูมิอากาศในโลก (climate change) ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีในการดำเนินชีวิตของผู้คน ทั้งยังส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการเกษตรทั่วโลก  การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก สหประชาชาติรายงานว่า จำนวนประชากรโลกคาดว่าจะเกิน7,000 พันล้านคนในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2011 และรายงานการคาดการณ์สำหรับช่วงกลางศตวรรษ ปี 2050 ประชากรของโลกคาดว่าจะมากเกิน 9,300 พันล้านคน  ที่ดิน สำหรับทำการเกษตรลดน้อยถอยลง เพราะถูกความเจริญไล่ล่า แปรสภาพเป็นตึกราม บ้านช่อง สนามกอล์ฟ โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ และที่มากกว่านั้นคนที่หันมายึดอาชีพเกษตร(แรงงาน)จะมีจำนวนน้อยลง  วันนี้การทำการเกษตรแบบเดิม ๆ  จึงไม่สามารถจะเลี้ยงดูคนทั้งโลกได้




        10 ปีต่อจากนี้ไปจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงหรือพลิก โฉมหน้าการพัฒนาการเกษตร (transformative agriculture) เพื่อนำไปสู่คำว่า ผลิตภาพหรือ productivity  ซึ่งหมายถึงจะต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้ผลผลิตมีปริมาณ และ/หรือมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยคำนึงถึงการใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการปรับปรุง คุณภาพปัจจัยการผลิต ได้แก่ วัตถุดิบ อุปกรณ์การผลิต ตลอดจนการบริหารจัดการ รวมถึงบุคลากรที่มีส่วนร่วมในการผลิต  ทุกประเทศทั่วโลกต้องปรับตัว และมียุทธศาสตร์ใหม่ในการสร้างความมั่นคงทางอาหารแก่ประชากรของตัวเอง
      ในส่วนของภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจด้านเกษตรและอาหาร ก็ต้องปรับโมเดลทางธุรกิจใหม่เช่นกัน เพราะนอกจากต้องเผชิญกับปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดในการผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร แล้ว ยังมีคู่แข่งอีกมากมายบนเวทีการค้าโลก จะเห็นได้ว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องพลิกโฉมหน้าในการพัฒนาการเกษตร....ไปสู่การลงทุนด้านอัจฉริยะมากขึ้น
           จีน ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังพลิกโฉมด้านการพัฒนาภาคเกษตร โดยผ่านนโยบายเกษตรสมัยใหม่” (new agriculture) ซึ่งเป็นการทำเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีและการจัดการสมัยใหม่เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการผลิตให้ได้ทั้งปริมาณและ คุณภาพ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ประเทศจีนกำลังเริ่มนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 12(พ.ศ.2554-2558) ซึ่งประกาศไว้ว่า จะเปลี่ยนโมเดลจากโรงงานของโลกมาเป็นตลาดของโลก จากผู้ผลิตมาทำตลาดเอง บูรณาการทุกอย่างหมด        
         หมู่บ้านเกษตรกรรมทันสมัยหรือ ที่รู้จักกันในชื่อ “Xinnongchun Project” เป็น 1 ในโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้แนวนโยบายเกษตรสมัยใหม่ ดำเนินการในลักษณะ สี่ประสานกล่าวคือเป็นโครงการที่ร่วมมือกันระหว่าง ภาครัฐ บริษัทเอกชน ธนาคาร และเกษตรกร  ในส่วนนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับโอกาสจากรัฐบาลจีนให้เข้าไปดำเนินโครงการ หมู่บ้านเกษตรกรรมทันสมัยหลายโครงการ
          เริ่มจาก พศ. 2552 ซี.พี. ร่วมมือรัฐบาลจีน ทำโครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมสมัยใหม่ที่  ผิงกู่   ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่ง โดยสร้างฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ทันสมัยที่สุดสามารถเลี้ยงไก่ได้ 3 ล้านตัวมีมูลค่าการลงทุน 582-615 ล้านหยวน โครงการนี้เกษตรกรรวมตัวกันในรูปสหกรณ์ ที่มีรัฐบาลจีนส่งเสริมและสนับสนุนทุนประมาณ 15%  เครือเจริญโภคภัณฑ์สนับสนุนทุน 15% ส่วนที่เหลืออีก 70%ธนาคารเป็นผู้ให้สินเชื่อ โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นผู้เช่าพื้นที่บริหารจัดการโครงการเกษตรดังกล่าว ซึ่งเป็นการรับความเสี่ยงแทนเกษตรกร สำหรับการเลี้ยงไก่ไข่ 3 ล้านตัว เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการแบบครบวงจร มีไก่พันธุ์ ไก่รุ่น อาหารสัตว์ สามารถนำเอามูลไก่ไปทำไบโอแก๊ส มีโรงงานแปรรูปไข่
         นอกจากนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลจีนเพื่อดำเนิน โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมทันสมัยในจีนอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมทันสมัย ที่มณฑล จี๋ หลินซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน  เป็นมณฑลเกษตรกรรมขนาดใหญ่ที่มีพืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ โดยมีสินค้าเกษตรและเนื้อสัตว์มากเป็นอันดับ 1 ของจีน ทั้งนี้โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมแผนใหม่มีมูลค่าการลงทุน 7,900 ล้านหยวน หรือ 39,500 ล้านบาท ในโครงการนี้จะมีการเลี้ยงไก่ไข่ 3 ล้านตัว/ปี  สุกร 1 ล้านตัว/ปี  และไก่เนื้อ 100 ล้านตัว/ปี
          โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมทันสมัยที่เมืองจั้นเจียง มณฑลกวางตุ้ง เป็นโครงการที่เลี้ยงสุกร 1 ล้านตัว ไก่ 100 ล้านตัว รวมถึงสัตว์น้ำ มีมูลค่าการลงทุน 8,000 ล้านหยวน เมืองจั้นเจียงว่าเป็นเมืองสีเขียวที่มีความพร้อมในการพัฒนาด้านเกษตร อุตสาหกรรม อีกทั้งรัฐบาลจั้นเจียงก็มีนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจอย่างเต็มที่



           นอกจากนี้จีนยังมีการพัฒนาภาคเกษตรในรูปแบบโครงการที่เรียกว่า “mega farms และmetropolitan agriculture” อีกด้วย  ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับโอกาสและความไว้วางใจจากรัฐบาลจีนให้ดำเนินโครงการ CIXI ที่มณฑลเจ้อเจียง โครงการนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลจีน พัฒนาพื้นที่ 8,000 ไร่ในเมืองฉือซี(CIXI) โดยมีรูปแบบการพัฒนาแบบ intensive&mixed farming เป็นเกษตรผสมผสานแบบทันสมัยครบวงจรตั้งอยู่บนที่ดินที่เกิดจากการล้อมทะเล ใกล้เขตเมือง ซึ่งรัฐบาลจีนวางแผนให้โครงการนี้เป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนพลเมือง 100 ล้านคน เพราะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในรัศมีที่รายล้อมไปด้วยเมืองขนาดใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ หังโจวและหนิงโป ในเบื้องต้นนี้ได้ประมาณการมูลค่าการลงทุน 4,000 – 5,000 ล้านหยวน ภายในโครงการฉือซีแห่งนี้จะพัฒนาเกษตรครอบคลุมครบทั้งด้านพืชผักและปศุสัตว์
           ธุรกิจแรกที่เครือเจริญโภคภัณฑ์จะดำเนินการบนพื้นที่นี้คือธุรกิจปลูกพืชผัก ปลอดภัยในเรือนกระจกโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยจากฮอลล์แลนด์ ปลูกพืชผักบนเนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนที่สูง แต่จะให้ผลผลิตสูงและคุณภาพสูง พืชที่ปลูกได้แก่ ผักประเภทผักสลัด มะเขือเทศ พืชที่ใช้เป็นวัตถุดิบยาและเครื่องสำอาง เป็นต้น การปลูกพืชผักในเรือนกระจกจะแก้ปัญหาความแตกต่างในเรื่องของฤดูกาลได้เป็น อย่างดี ทำให้สามารถผลิตพืชผักได้ทุกฤดูกาล ซึ่งเป็นโอกาสที่ได้เปรียบในการทำธุรกิจพืชผัก
      สำหรับโครงการในอนาคตภายใต้รูปแบบ mega farms และ metropolitan agriculture ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์มีโอกาสจะได้ดำเนินการและอยู่ระหว่างการเจรจาและ ศึกษาความเป็นไปได้ ประกอบด้วย         1.ซินเกียง(Xinjiang) 2.เลี๋ยวหนิง(Liaoning)  3.เทียนจิน(Tianjin)  4.ปักกิ่ง(Beijing)     


GuiKaset

Phasellus facilisis convallis metus, ut imperdiet augue auctor nec. Duis at velit id augue lobortis porta. Sed varius, enim accumsan aliquam tincidunt, tortor urna vulputate quam, eget finibus urna est in augue.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น