
เมื่อปลูกแล้วจะใช้เวลาประมาณสองปีเป็นอย่างน้อย อินทผลัมจึงจะเริ่มให้ผลผลิต การปลูกจะขุดหลุม ขนาดพอเหมาะกับกล้าที่จะปลูก อย่าให้หน่ออยู่ลึกเกินไป ควรปลูกเสมอหน้าดินเดิม หรือจะให้ดินกลบโคนต้นเพียงเล็กน้อย ระยะปลูกใหม่ยังไม่ให้ปุ๋ย ให้เพียงแต่น้ำทุกๆ 2-3 วัน เมื่อตั้งตัวแล้วประมาณ 1 เดือน จึงจะเริ่มให้ปุ๋ยคอก ต้นละเล็กน้อย หากใช้กล้าจากหน่อในการปลูก ระยะแรกควรมัดรวบใบไว้จนกว่าต้นจะฟื้นและตั้งตัวได้ จึงจะตัดเชือกที่ผูกออก วิธีการนี้จะใช้กับการย้ายต้นใหญ่ๆ ไปปลูกที่อื่นด้วย จะช่วยให้ต้นรอดตาย
ระยะปลูกเนื่องจากทางใบของต้นอินทผลัมเมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวประมาณ 4 เมตร เพื่อให้ใบไม่ซ้อนกันมากนัก ควรกำหนดระยะปลูก 7 เมตรเป็นอย่างน้อย แต่ความเป็นจริงในธรรมชาติ พบเห็นอินทผลัมขึ้นเบียดกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามถึงห้าต้น เมื่อต้นสูงใหญ่ยอดจะแบ่งน่านฟ้าเพื่อรับแสงกันเอง และยังสามารถให้ผลผลิตที่มากพอสมควรอีกด้วย ดังนั้นหากไม่ต้องการแนวการปลูกที่เป็นระเบียบมากนัก สามารถกำหนดระยะห่างได้ตามต้องการเพื่อความสุนทรีย์และแลดูเป็นธรรมชาติมาก ขึ้น การดูแลรักษาไม่ควรถางหญ้าหรือพรวนดินบริเวณโคนต้น ใช้เพียงวิธีการตัดหญ้าให้สั้นจะทำให้หน้าดินไม่เสียจากการถูกแสงแดดแผดเผา โดยเฉพาะในหน้าแล้ง หญ้าจะช่วยชะลอการระเหยของน้ำที่หน้าดินได้ดี หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วประมาณปลายเดือนมิถุนายน จะให้ปุ๋ยคอกเช่นมูลม้า วัว ไก่ อีกครั้ง การให้น้ำ ที่สวนจะให้ทุกๆ 7 วัน หรือทุกๆ 2 สัปดาห์ ในฤดูแล้ง แล้วแต่ความสะดวก หากกล้ายังเล็กอยู่อายุไม่ถึงปีควรให้น้ำทุกสามวันเป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับว่าเป็นฤดูกาลไหนด้วย การใส่ปุ๋ย เนื่องจากที่สวนได้นำม้ามาเลี้ยงเพื่อช่วยกำจัดวัชพืช จึงได้ปุ๋ยจากมูลม้าที่เดินเล็มหญ้าและให้ปุ๋ยไปในเวลาเดียวกัน การให้ปุ๋ยของที่สวนจึงเป็นไปอย่างธรรมชาติ การตัดแต่งใบ จะใช้กรรไกรตัดใบปาล์ม ตัดเฉพาะทางใบที่แก่แล้ว ต้นละประมาณ 2-3 ทางใบ ตัดเป็นท่อนสั้นๆวางใว้รอบๆโคนต้นปล่อยใว้ให้สลายกลายเป็นปุ๋ยกลับคืนสู่ต้น อีกครั้ง โรคแมลงและศัตรูอื่นๆ ยังไม่มีการป้องกันกำจัด เนื่องจากไม่มีการระบาดของศัตรูมากนัก แต่อาจมีด้วง เข้ากัดกินยอด นก หนู หรือกระรอกมา รบกวนกัดกินผล โดยเฉพาะในช่วงที่ผลใกล้แก่ ควรห่อผลด้วยถุงตาข่าย โดยห่อทั้งทะลายใว้เพื่อป้องกันสัตว์มากัดกิน
การเพาะเมล็ด
หลังจากได้เมล็ด มาแล้วคัดเอาเมล็ดที่สมบูรณ์ ล้างเอาเนื้อและเยื้อหุ้มเมล็ดออกให้สะอาด บรรจุใส่ขวดน้ำดื่มขนาด 1 ลิตรขวดละ 200 เมล็ด ใส่น้ำนิดหน่อยพอให้ได้ความชื้นทั่วถึงกัน ปิดฝาให้สนิทเขย่าขวดในแนวนอนเบาๆให้เมล็ดกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วๆขวด นำขวดไปเก็บใว้ในที่ที่มีอากาศ ร้อนและมืด ประมาณสองสัปดาห์ รากจะเริ่มทยอยแทงออกจากเมล็ด เมื่อรากยาวได้ประมาณหนึ่งนิ้วจึงย้ายลงเลี้ยงต่อในถุงดำ จากนั้นหน่อจะใช้เวลาอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์เพื่อแทงยอดจนพ้นหน้าดิน หน่อที่พัฒนาไปเป็นใบจะเกิดออกมาจากบริเวณกึ่งกลางของความยาวของราก ไม่ได้ออกมาจากเมล็ดเหมือนกับพืชชนิดอื่นทั่วๆไป ระยะนี้รักษาความชื้นอย่าให้ดินแห้งเกินไปกล้าแทงใบเดี่ยวจำนวนหนึ่งใบ ความยาว 8-12 นิ้ว จนมีอายุได้ 2-3 เดือน เมื่อย่างเข้าเดือนที่ 4 กล้าจะแทงใบเดี่ยวใบที่สอง ความยาว 8-12 นิ้ว ระยะนี้สามารถนำกล้าไปปลูกลงแปลงได้ ทั้งนี้ต้องมีผู้ดูแลคอยกำจัดวัชพืชรอบๆต้น ให้น้ำทุกสองถึงสามวันก็เพียงพอต่อความต้องการของกล้าอินทผลัมแล้ว เพราะกล้าในขวบปีแรกจะมีความสูงประมาณสองฟุตเท่านั้น หรืออาจย้ายจากถุงเพาะลงกระถางขนาด 15 นิ้ว เลี้ยงกล้าต่อจนครบหนึ่งปีค่อยนำย้ายปลูกลงแปลงก็ได้
อัตราการเจริญ
ในขวบปีแรก อินทผลัมดูเหมือนว่าจะพัฒนาในส่วนที่ตามองเห็นไปอย่างเชื่องช้า โตไม่ทันใจและอาจก่อเกิดความไม่พึงพอใจกับผู้ปลูก เพราะอินทผลัมเป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในเขตทะเลทรายที่แห้งแล้ง ต้นกล้าจะพัฒนาในส่วนที่อยู่ใต้ดินก่อน รากจะเจริญและแทงลึกลงไปเพื่อหาน้ำและอาหารให้เพียงพอต่อการมีชีวิตรอดใน ความแห้งแล้งให้ได้ก่อน แต่หลังจากนั้น เมื่อต้นอินทผลัมมีอายุพ้นปีแล้วจะเห็นว่า อินทผลัมเป็นไม้ที่เติบโตและให้ผลผลิตได้รวดเร็วอีกชนิดหนึ่งหากได้รับการ ดูแลเอาใจใส่บ้าง ในต่างประเทศต้องใช้เวลาถึง 7 ปีเป็นอย่างน้อยถึงจะออกดอกและติดผล แต่สำหรับอินทผลัมที่ปลูกในประเทศไทยแล้ว โดยส่วนใหญ่จะให้ผลผลิตครั้งแรกที่อายุเพียง 2-3 ปีเท่านั้นการเก็บเกี่ยวและการแปรรูป
หลังจากผสมเกสรแล้ว 3 สัปดาห์ ทะลายที่ติดผลจะค่อยๆโน้มห้อยลงมาใต้ทางใบ ทำให้ผลไม่เสียดสีกับหนามเมื่อลมพัด และสะดวกในการเก็บเกี่ยวด้วย ผลจะเริ่มแก่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน บางพันธุ์อาจแก่ช้ากว่านี้ ระยะตั้งแต่ติดผลจนถึงผลแก่ประมาณ 150-180 วัน แต่ละทะลายจะมีผลติดดกประมาณ 3 กิโลกรัม (ผลผลิตในสวนที่อายุสามปี)การเก็บเกี่ยว เมื่อผลแก่จะมีสีแดงหรือเหลือง แล้วแต่สายพันธุ์ สังเกตุจะมีผลที่นิ่มสีแดงเข้มจนถึงมีสีน้ำตาลเนื้อออกใส อาจหลุดออกจากขั้วร่วงหล่นอยู่ในบริเวณนั้น ผลมีรสชาติมันและหวาน ที่สวนเราต้นอินทผลัมอายุเพิ่งสามปี ต้นจึงยังไม่สูงสามารถยืนตัดเก็บได้โดยสะดวก
การแปรรูป ผลอินทผลัมสดเมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นผลอินทผลัมแห้งที่มีคุณภาพตาม ธรรมชาติ จะต้องอาศัยสภาพอากาศที่ร้อนและแห้ง หากได้รับความชื้นในช่วงที่กำลังเปลี่ยนแปลงจะทำให้การเปลี่ยนแปลงไม่ สมบูรณ์ อาจเกิดเชื้อราขึ้นและเน่าในที่สุด จึงควรแขวนใว้ในที่ๆมีอากาศร้อนอบอ้าว หากมีผลผลิตมากอาจสร้างโรงเรือนสำหรับอบแห้งใว้กลางแจ้งด้วยสังกะสีรอบด้าน หรือมีเครื่องอบลมร้อนก็จะช่วยในเรื่องของระยะเวลาในการทำให้ผลแห้งได้ แต่ หากมีผลผลิตเพียงเล็กน้อยอาจแขวนตากใว้ภายในรถยนต์ที่จอดตากแดดโดยปิดกระจก ให้สนิท อบใว้ 5-7 วัน เนื้อที่เป็นแป้งจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทั้งผล นำไปล้างน้ำแล้วตากแห้งอีกเพียง 1 วัน จะได้อินทผลัมแบบผลแห้งที่มีคุณภาพ ผลที่แห้งแล้วจะมีสีน้ำตาลคล้ายสีของน้ำผึ้ง รสชาดหวาน ไม่ผิดเพี้ยนจากผลที่นำเข้ามาจำหน่ายจากต่างประเทศ นำมาบรรจุภาชนะเพื่อแจกจ่ายต่อไป การคัดคุณภาพของผลแห้งที่ดีคือจะแยกเป็นประเภทผลเดี่ยวๆและประเภทที่ผลยัง ติดอยู่กับก้าน ส่วนผลที่เหนียวค่อนข้างจะติดกันจะนำไปทำน้ำอินทผลัมปั่น ส่วนชนิดที่เละมากจะนำไปกวนใว้สำหรับเป็นส่วนผสมในการทำคุ๊กกี้ สำหรับผลผลิตที่ไม่มีคุณภาพ จะนำไปผึ่งแดดเก็บไว้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงม้า ห่าน และไก่ต่อไป
การผสมเกสร
เดือนมกราคมอินทผลัมจะเริ่มทยอยแทงจั่นดอก ต้นหนึ่งอาจมีจั่นดอกประมาณ 5-11 ช่อ ควรทำการตัดหนามบริเวณโคนของทางใบออกเพื่อสะดวกในการผสมเกสร ลักษณะของจั่นดอกตัวผู้และเมียมีความแตกต่างกันโดยจั่นดอกผู้จะมีลักษณะป้อม อ้วน โป่งตรงกลางค่อนข้างมาก ส่วนจั่นดอกเมียจะมีลักษณะผอมเพรียวและบางกว่า ใช้เวลาอีกประมาณสามสัปดาห์จั่นที่เห็นนั้นก็แตกออก ดอกที่อยู่ภายในจั่นจะเริ่มบาน โดยทยอยบานทุกๆ 5 วัน ดอกตัวเมียจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมคล้ายลูกปัดร้อยเรียงเป็นพวง ส่วนดอกตัวผู้มีลักษณะฟูคล้ายหางกระรอก ต้องตัดเก็บเกสรตัวผู้โดยตัดจากช่อดอกของต้นตัวผู้ที่มีอยู่ในสวนเก็บไว้เพราะจั่นดอกจากต้นผู้และเมียอาจแตกออกไม่พร้อมกัน ให้ตัดเก็บใส่ถุงพลาสติกใว้โดยไม่ต้องมัดปากถุงแล้วนำไปแขวนในที่ๆอากาศถ่าย เทดี เกสรผู้สามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือน
เมื่อ จั่นดอกต้นตัวเมียแตกออกให้นำเกสรตัวผู้ที่ตัดเก็บใว้มาทำการผสมกับช่อดอก ตัวเมียแต่เช้า โดยการนำช่อดอกผู้เขย่าเบาๆใส่ช่อดอกเมีย เมื่อมีดอกผู้มากและเพียงพอต่อดอกเมียแล้วจึงเสียบช่อดอกใว้ด้วยกันปล่อยให้ ผึ้งและแมลงต่างๆมาช่วยผสมซ้ำอีกครั้ง ฤดูผสมเกสรจะเสร็จสิ้นลงประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากติดผลแล้ว 3 สัปดาห์ ทะลายที่ติดผลจะค่อยๆ โน้มห้อยลงมาใต้ทางใบทำให้ผลไม่เสียดสีกับหนามเมื่อลมพัด และสะดวกในการเก็บเกี่ยวด้วย
ผล อินทผลัมที่ได้จากการผสมเกสรด้วยวิธีนี้จะติดผลหนาแน่นและค่อนข้างดก แต่หากไม่ช่วยผสมเกสรและปล่อยใว้ให้เป็นไปตามธรรมชาติจะติดผลน้อยและบางตา เข้าใจว่าผึ้งและแมลงต่างๆที่ช่วยผสมเกสรตามธรรชาติมีจำนวนน้อย เพราะพื้นที่ข้างเคียงมีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ทำให้แมลงที่ดีต้องตายไปด้วย แต่หากปล่อยช่อดอกตัวเมียใว้ต่อไปพบว่า เมื่อผลแก่ขึ้น ขนาดผลจะใหญ่กว่าแบบที่เราช่วยผสมเกสรให้ค่อนข้างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น